สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. ๒๔๑๑ – พ.ศ. ๒๔๕๓
บทนำ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลที่ ๕
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว การพระราชพิธี
บรมราชาภิเษกในรัชกาลที่ ๕ นี้ ได้ทรงอนุโลม ตามแบบอย่างพระราชพิธีที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้ทรงตั้งไว้และที่ได้ทรงประกอบการมาแม้แต่การพระราชพิธี เฉลิมพระราชมณเฑียรในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่ทรงพระราชดำริว่า การสวดภาณวารเดิมสวดไม่ครบ ๓ วันบริบูรณ์ เพราะจุดเทียนชัยและตั้งต้น สวดภาณวารในวันที่ ๒
การเตรียมสถานที่:
เครื่องตั้งพระแท่นมณฑล
ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งรัชกาลที่ ๕ พ.ศ. ๒๔๑๑ มีเครื่องตั้งพระแท่นมณฑลเพิ่มกว่าครั้งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลก่อนๆ หลายสิ่ง
การประกอบพระราชพิธี การประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีขั้นตอนเช่นเดียวกับ
รัชกาลก่อนๆ อันเป็นการประกอบพระราชพิธี
ตามขัตติยราชประเพณีโบราณ ซึ่งเริ่ม
ตั้งแต่พระโหราธิบดี (ชุ่ม) หลวงโลกทีป
(เถื่อน) ขุนโชติพรหมมา ขุนเทพพยากรณ์
โหรคำนวณพระฤกษ์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
ทูลเกล้าฯ ถวาย
การจัดพระราชมณเฑียร ๑. บนพระที่นั่งไพศาลทักษิณตั้งพระแท่นมณฑล มีพระพุทธ
บุษยรัตน์เป็นประธานดังครั้งรัชกาลที่ ๔ พระที่นั่งอัฐทิศ พระที่นั่งภัทรบิฐ แขวนยันต์ทอดอาสนะสำหรับพระสงฆ์สวดมนต์
วันเตรียมพระราชพิธี วันเริ่มพระราชพิธีตรงกับวันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๘ ค่ำ หรือวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๑๑ ในวันเริ่มพิธีพราหมณ์เข้าพิธีพระสงฆ์สวดมนต์ตั้งน้ำวงด้าย พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แล้วเสด็จยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทรงศีล แล้วพระสงฆ์ราชาคณะผู้ใหญ่ ๓๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์ ระหว่างนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการที่พระสยามเทวาธิราชที่พระที่นั่งอัฐทิศและพระที่นั่งภัทรบิฐ
พระราชพิธีในวันพระฤกษ์
บรมราชาภิเษก
เช้าเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยประทับพระแท่นเศวตฉัตร พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี และกงสุลต่างประเทศเข้าเฝ้าพร้อมกัน เสนาบดีกล่าวถวายเครื่องประดับพระบรมราชอิสริยยศและราชสมบัติทั้งปวง
การเสด็จออกมหาสมาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เสด็จออกรับราชสมบัติ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย และให้พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยพร้อมกัน มีการจัดสถานที่โดย
เฉลิมพระราชมณเฑียร การพระราชพิธีเฉลิมพระมหามณเฑียร ตามราชประเพณีก็มีการพิธีเช่นเดียวกับครั้งรัชกาลที่ ๔ คือ เสด็จขึ้นพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน
การเสด็จเลียบพระนคร การพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ในวันพุธเดือนอ้าย ขึ้น ๔ ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ นี้
โปรดเกล้าฯ ให้มีแต่การเสด็จเลียบพระนครเฉพาะทางบก
โดยกระบวนพยุหยาตราสถลมารค ไม่มีการเสด็จเลียบพระนครด้วยกระบวนพยุหยาตราชลมารคดังรัชกาลที่ ๔ แต่เมื่อประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๑๖ จึงมีการเสด็จเลียบพระนครทั้งสองทาง
การแต่งกายของเหล่าทหารในกระบวนพยุหยาตราสถลมารค กรมที่ ๑
กระบวนทหารม้า
๑. เสนากองหน้านำขบวน คือขุนโจมพลล้าน และขุนสท้านพลแสน สวมสนับเพลา นุ่งผ้าเกี้ยวใส่เสื้อแพร โพกผ้าสีทับทิมขลิบทอง ขัดดาบขี่ม้าถือธงห้าชายหักทองขวาง
พระราชพิธีอุปราชาภิเษก หลังจากที่เสร็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้มีการพระราชพิธี
อุปราชาภิเษกพระเจ้าวรวงค์เธอ กรมหมื่นบวรวิชัยชาญ พระราช
โอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวกับ
เจ้าจอมมารดาเอม เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
การเตรียมสถานที่ ปลูกพลับพลายกที่ประทับแรมในพระบรมมหาราชวังที่ริมโรงละคร ตั้งเกยแห่ที่พลับพลา จากประตูวิเศษชัยศรีจนถึงในบริเวณพระราชวังบวรสถานมงคลได้ปักฉัตรเบญจรงค์ ตั้งราชวัติสองข้างทาง ผูกต้นกล้วย ต้นอ้อย และฉัตรกระดาษเป็นระยะๆ
การพระราชพิธีอุปราชาภิเษก วันแรกของพระราชพิธีคือ วันเสาร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๗ ค่ำ พราหมณ์เข้าพิธี