สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พ.ศ. ๒๓๒๕ - พ.ศ. ๒๓๕๒
บทนำ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติในปีแรก ได้โปรดเกล้าฯ ให้กระทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างย่อ เมื่อวันจันทร์เดือนแปด บุรพาษาฒขึ้นหนึ่งค่ำ ปีขาล จัตวาศก จุลศักราช ๑๑๔๔ ปี ตรงกับวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๕
การเตรียมการจัดสถานที่ ๑. ที่ชาลาด้านตะวันออกข้างพระที่นั่งอัมรินทราภิเษก ตั้งมณฑป ที่ทรงพระกระยาสนาน
๒. รอบพระมหามณเฑียรและด้านหน้าพระที่นั่งอมรินทราภิเษก ประดับรายด้วยฉัตรเบญจรงค์เจ็ดชั้นเสาราชวัติประดับด้วยต้นกล้วย ต้นอ้อย ดอกหมาก ดอกมะพร้าว
การประกอบพระราชพิธีในวันพระฤกษ์บรมราชาภิเษก ในวันพระฤกษ์ อันเป็นวันที่ ๔ เมื่อได้พระมหามงคลฤกษ์ หลวงโลกทีปและพระมหาราชครู กราบบังคมทูลอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสรงน้ำมูรธาภิเษก
พระราชพิธีอุปราชาภิเษก เมื่อเสร็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้วจะมีการประกอบพระราชพิธีอุปราชาภิเษก เพื่อแต่งตั้งพระราชวงศ์ขึ้นทรงดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราช หรือกรมพระราชวังบวรสถานมงคล อันเป็นตำแหน่งสูงสุดรองจากองค์พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นจอมทัพ ซึ่งเรียกว่า ทัพหลวง ส่วนตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือพระมหาอุปราชนั้นเป็นแม่ทัพหน้าหรือจอมทัพของทัพหน้านั่นเอง
การเตรียมสถานที่ ๑. ตั้งพลับพลาประทับแรมให้เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรที่โรงหล่อท้ายพระราชวังในกำแพง
๒. ตั้งเกยด้านหลังพระที่นั่งสุทไธสวรรย์
การเตรียมพระราชพิธี พระสงฆ์พระราชาคณะฝ่ายคามวาสี ๓๒ รูป ฝ่ายอรัญวาสี ๒ รูป พระสงฆ์ชั้นเดิมเป็นพระองค์เจ้า ๑ รูป พระสงฆ์ฐานานุกรม ๑๒ รูป อาจารย์ในกรุง ๓ รูป อาจารย์นอกกรุง ๓ รูป รวม ๕๓ รูป ร่วมเจริญพระพุทธมนต์ ตั้งแต่วันพฤหัสบดี เดือน ๔ ขึ้น ๔ ค่ำ เป็นเวลา ๓ วันจนถึงวันพระฤกษ์
วันพระฤกษ์อุปราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอฯ ทรงเครื่องต้นทรงพระชฎามหากฐินน้อย เสด็จโดยกระบวนแห่เข้าประตูสุวรรณบริบาล ประทับพลับพลาเปลื้องเครื่องแล้วทรงเปลี่ยนเป็นพระภูษาลายพื้นขาว ฉลองพระองค์ครุย เสด็จขึ้นบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทโดยมุขหลัง ถวายนมัสการพระศรีรัตนตรัย
การสมโภชพระนคร เมื่อเสร็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการสมโภชพระนครเป็นเวลา ๓ วัน