เปิดเดินรถ ทางรถไฟสายตะวันออกที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างจากฉะเชิงเทราถึงอรัญประเทศ ได้ดำเนินการจนแล้วเสร็จและเปิดเดินรถ
ทางรถไฟสายตะวันออกเปิดเดินรถ
ทางรถไฟสายตะวันออกที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างจากฉะเชิงเทราถึงอรัญประเทศ ได้ดำเนินการจนแล้วเสร็จและเปิดเดินรถ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๙ และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเยือนอินโดจีนของฝรั่งเศสด้วยเส้นทางรถไฟนี้ใน พ.ศ. ๒๔๗๓
หัวจักรดีเซลไฟฟ้าประเทศแรกในเอเชีย
นับจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงริเริ่มกิจการรถไฟในสยาม กิจการรถไฟได้มีความก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว กิจการรถไฟหลวงได้มีการพัฒนาขึ้นอีกขั้นหนึ่ง ทำให้การคมนาคมระหว่างเมืองต่างๆ มีความสะดวกต่อการสัญจรมากยิ่งขึ้น
เดิมนั้นมีการใช้รถจักรไอน้ำอยู่แล้ว โดยพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงจัดหารถจักรไอน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมาใช้ในกรมรถไฟหลวง อย่างไรก็ตาม รถจักรไอน้ำก็มีข้อจำกัด เช่น ต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมากเพื่อต้มน้ำให้เกิดแรงดันสูง ไปดันลูกสูบให้หมุนล้อขับต่อไป ทำให้ต้องจอดเพื่อเติมน้ำและฟืนเป็นระยะๆ ตามสถานีที่กำหนดไว้ และต้องจอดอย่างนี้ครั้งละนานๆ ทั้งยังมีรถลำเลียงน้ำและฟืนเพื่อให้เติมระหว่างทางที่ยังไม่ถึงสถานีที่กำหนดอีกด้วย
เมื่อมีเครื่องจักรดีเซลเกิดขึ้น เสด็จในกรมฯ จึงทรงดำริว่า น่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่ารถจักรไอน้ำและน่าจะพัฒนาต่อไปอีกมาก ในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ จึงทรงสั่งรถจักรดีเซล S.L.M. Winterthur ขนาด ๑๘๐ แรงม้า จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มาทดลองใช้ในกรมรถไฟหลวงจำนวน ๒ คัน นับได้ว่าเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียที่ใช้รถจักรดีเซล
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ กรมรถไฟได้นำรถจักรดีเซลฟริกซ์ (FRICHS) ขนาด ๒ x ๘๐๐ แรงม้า ซึ่งเป็นรถจักรดีเซลไฟฟ้าที่มีกำลังม้าสูงสุดที่ใช้ในทวีปเอเชียในสมัยนั้น มาใช้ลากจูงขบวนรถด่วนสายใต้ กรุงเทพฯ – ปีนังที่ทำให้การเดินทางลดลงจาก เที่ยวละ ๓๑ ชั่วโมง เป็น ๒๖ ชั่วโมงกว่า
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ
การเดินทางไปหนองคายและนครพนมในอดีตมีความยากลำบากมาก เพราะไม่มีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกทุกฤดูกาล กรมรถไฟหลวงจึงได้วางโครงการสร้างทางรถไฟต่อจากขอนแก่นไปยังหนองคายและนครพนม โดยได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๒
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการเปิดใช้ทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ
ทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือเปิดเดินรถ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการเปิดใช้ทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนี้
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๓ เปิดการเดินรถถึงสถานีวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
- พ.ศ. ๒๔๗๔ เปิดการเดินรถจากสถานีโนนวัด จังหวัดนครราชสีมา ไปจังหวัดขอนแก่น
สถานีสำคัญ | วันที่เปิดบริการเดินรถไฟ | ห่างจากสถานี กรุงเทพ (กิโลเมตร) |
---|---|---|
กรุงเทพฯ – อยุธยา | 26 มีนาคม พ.ศ. 2439 | 71 |
สายกรุงเทพฯ – อุบลราชธานี | ||
ชุมทางแก่งคอย | 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2440 | 125 |
ปากช่อง | 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2442 | |
นครราชสีมา | 21 ธันวาคม พ.ศ. 2443 | 246 |
ท่าช้าง | 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 | 285 |
บุรีรัมย์ | 1 เมษายน พ.ศ. 2468 | 376 |
สุรินทร์ | 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2469 | 420 |
ห้วยทับทัน | 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2470 | 482 |
ศรีสะเกษ | 1 สิงหาคม พ.ศ. 2471 | 515 |
อุบลราชธานี | 1 เมษายน พ.ศ. 2473 | 575 |
สายกรุงเทพ – หนองคาย | ||
ชุมทางบัวใหญ่ | 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2474 | 346 |
เมืองพล | พ.ศ. 2474 | 378 |
บ้านไผ่ | พ.ศ. 2475 | 408 |
ขอนแก่น | 1 เมษายน พ.ศ. 2476 | 450 |
อุดรธานี | 14 มิถุนายน พ.ศ. 2484 | 569 |
หนองคาย | 23 กันยายน พ.ศ. 2499 | 624 |
ท่านาแล้ง | 5 มีนาคม พ.ศ. 2552 | 627 |
ที่มา : http://www.tri.chula.ac.th/triresearch/neast/neast.html
พิธีเปิด “สถานีวิทยุกรุงเทพที่พญาไท”
การกระจายเสียงทางวิทยุเป็นสื่อสารมวลชนอีกประเภทหนึ่งซึ่งถือกำเนิดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ โดยได้พระราชทานความสนพระราชหฤทัยและความสนับสนุนอย่างจริงจัง แต่ก็ยังคงเป็นในระยะเริ่มแรก
ผู้ที่ทำการบุกเบิกสื่อนี้ คือ พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน โดยได้ทรงพัฒนาต่อยอดจากการที่ในสมัยรัชกาลที่ ๖ กระทรวงทหารเรือได้ตั้งสถานีวิทยุโทรเลขถาวรเพื่อใช้ในราชการกองทัพเรือ และในปีต่อมา คือ พ.ศ. ๒๔๕๗ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานคำว่า “วิทยุ” ให้ใช้แทนคำว่า “ราดิโอ” หรือ “เรดิโอ” (radio) ๔ ปีต่อมา กรมไปรษณีย์โทรเลขได้ร่วมกับกระทรวงทหารเรือเปิดให้ประชาชนได้ใช้วิทยุโทรเลขนั้นได้เป็นครั้งแรก ๑
ครั้นในสมัยรัชกาลที่ ๗ เสด็จในกรมฯ พระองค์นั้น ผู้ทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ได้ทรงทำการทดลองการรับส่งวิทยุกระจายเสียงเป็นการส่วนพระองค์ที่วังบ้านดอกไม้และในพ.ศ. ๒๔๗๑ ได้ทรงตั้งกองช่างวิทยุขึ้นและต่อมาได้กระจายเสียงในนามสถานีวิทยุกระจายเสียง “๔ พี.เจ” และ “๑๑ พี.เจ” โดย พี.เจ. เป็นอักษรย่อพระนาม Purachatra Jayakorn ๒
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยและได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายสถานีวิทยุกระจายเสียงนั้นมาตั้งที่โฮเต็ลพญาไท ซึ่งเดิมเป็นพระราชวัง (ปัจจุบันอยู่ในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า) ซึ่งในสมัยนั้นยังอยู่กลางทุ่ง ไม่มีคลื่นไฟฟ้ารบกวน สถานีวิทยุนั้นจึงได้เป็นทางการขึ้นมาด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยเหตุนี้ สรรพสิริ วิริยศิริ ผู้ประกาศทางวิทยุและโทรทัศน์ในสมัยต่อมา จึงถือว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็น “พระมหากษัตริย์ผู้พระราชทานหูทิพย์” ๓
พิธีเปิด “สถานีวิทยุกรุงเทพที่พญาไท” กระทำในวันฉัตรมงคลของพระองค์ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๓ โดยเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของประเทศ คือ มีการถ่ายทอดพระสุรเสียงพระราชดำรัสจากพระราชพิธี ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวังไปตามสายเข้าเครื่องส่งกระจายเสียงให้ประชาชนได้รับฟัง ความตอนที่เกี่ยวข้องว่า
“การวิทยุกระจายเสียงที่ได้เริ่มจัดขึ้นและทำการทดลองตลอดมานั้น ก็ด้วยความมุ่งหมายว่าจะส่งเสริมการศึกษา การค้าขาย และการบันเทิงแก่พ่อค้าประชาชน เพื่อควบคุมการนี้ เราได้แก้ไขพระราชบัญญัติดังที่ประกาศใช้เมื่อเดือนกันยายนแล้ว และบัดนี้ได้สั่งเครื่องกระจายเสียงอย่างดีเข้ามาตั้งที่สถานีวิทยุโทรเลขพญาไทเสร็จแล้ว เราจึงขอถือโอกาสสั่งให้เปิดใช้เป็นปฐมฤกษ์ตั้งแ่บัดนี้ไป” ๔
พึงสังเกตว่า รับสั่งว่าเพื่อ “ส่งเสริมการศึกษา การค้าขาย และการบันเทิง” วิทยุกระจายเสียงจึงได้กลายเป็นสื่อมวลชนประเภทหนึ่ง ซึ่งมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่นั้นมา การกระจายเสียงเป็นปฐมฤกษ์ในสยามครั้งนั้นเกิดขึ้นเพียง ๑๐ ปี หลังจากที่มีการเริ่มกระจายเสียงทางวิทยุครั้งแรกในโลกที่ประเทศอังกฤษ เมื่อ ค.ศ. ๑๙๒๐ (พ.ศ. ๒๔๖๓) จึงนับว่าสยามในสมัยรัชกาลที่ ๗ ทันสมัยมากทีเดียว ปัจจุบัน จึงถือว่าวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์เป็นวันวิทยุกระจายเสียง
ต่อมาอีก ๓ วัน ในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๓ พระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเหยียบสถานีวิทยุนั้นในเวลา ๑๗.๐๐ น. แสดงถึงความสนพระราชหฤทัยที่จริงจัง
พระองค์ทรงรับข่าวสารทางวิทยุควบคู่กับหนังสือพิมพ์อยู่โดยสม่ำเสมอ และในราชสำนักรัชกาลที่ ๗ มีการใช้คำว่า “วุ” แทนคำว่า “วิทยุ” เป็นการแสดงถึงความเอ็นดูเครื่องมือสื่อสารและสื่อมวลชนประเภทนี้ ๕
สถานีวิทยุกรุงเทพที่พญาไทนี้ ใช้ชื่อย่อว่า HSP1 (คลื่นยาว ๓๕๐ เมตร) และ HSP2 (คลื่นสั้น ๓๑ เมตร) ตามลำดับ ใช้ “ฆ้องสี่เสียง” เป็นเสียงขานจากกรุงเทพฯ (Bangkok Calling) ตอนเปิดสถานี ซึ่งกรมพระกำแพงเพชรฯ ทรงคิดขึ้นโดยใช้ไซโลโฟน (Xylophone) หรือระนาดฝรั่ง ตามเสียงระนาดเชิญรับประทานอาหารในเรือโดยสาร ทำนอง “ฆ้องสี่เสียง” นี้ จึงเป็นที่รู้จักคุ้นหูกันสืบมาทางวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ในสมัยหลัง “ฆ้องสี่เสียง” นี้ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์กระจายเสียง กรมประชาสัมพันธ์ ๖
๑
สรรพสิริ วิริยศิริ. ๒๕๓๗. พระมหากษัตริย์ผู้พระราชทาน “หูทิพย์” ในเอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการเรื่อง สังคมไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดโดย สถาบันไทยศึกษาและฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๗-๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗ ณ ห้องประชุมสารนิเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, หน้า ๑๓.
๒ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๕.
๓ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑.
๔ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๑๖.
๕ รัฐสภา. ๒๕๒๔. พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพฯ: รุ่งศิลป์การพิมพ์) , หน้า ๓๔๓.
๖ ศุภลักษณ์ หัตถพนม. ๒๕๕๒. “ฆ้องสี่เสียง”. สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์. ปีที่ ๕๖ ฉบับที่ ๒๒ วันที่ ๒๐-๒๖ กุมภาพันธ์. หน้า ๓๘-๓๙.
มีวิทยุ พระราชบัญญัติวิทยุโทรเลข พ.ศ. ๒๔๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๔๗๓ ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๓ นั้น มีสาระสำคัญตรงที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปมีเครื่องรับวิทยุ
เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปมีวิทยุ
พระราชบัญญัติวิทยุโทรเลข พ.ศ. ๒๔๕๗ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๔๗๓ ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๓ นั้นมีสาระสำคัญตรงที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปมีเครื่องรับวิทยุ(รัฐสภา ๒๕๒๔: ๓๔๒) แต่จำนวนคนที่รับฟังได้ในขณะนั้นคงมีไม่มากกว่า ๑๐,๐๐๐ คน เพราะเครื่องส่งซึ่งแม้จะเป็นอย่างดีของบริษัทฟิลิปส์แห่งประเทศเนเธอร์แลนด์นั้นกำลังส่งยังจำกัดอยู่ โดยผู้ฟังใช้เครื่องที่เรียกกันว่า “เครื่องแร” ซึ่งราคาไม่แพง แต่ต้องใช้หูฟัง ฟังได้เพียงลำพังคนเดียว
พระราชดำรัสจากพระราชพิธี
ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย
ในพระบรมมหาราชวัง พิธีเปิด “สถานีวิทยุกรุงเทพที่พญาไท” กระทำในวันฉัตรมงคลของพระองค์ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๓ โดยเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของประเทศ คือ มีการถ่ายทอดพระสุรเสียงพระราชดำรัสจากพระราชพิธีฉัตรมงคล ณ พระที่นั่ง
อัมรินทรวินิจฉัย
การถ่ายทอดพระสุรเสียงพระราชดำรัสจากพระราชพิธี
ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวัง
พิธีเปิด “สถานีวิทยุกรุงเทพที่พญาไท” กระทำในวันฉัตรมงคลของพระองค์ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๓ โดยเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของประเทศ คือ มีการถ่ายทอดพระสุรเสียงพระราชดำรัสจากพระราชพิธี ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวังไปตามสายเข้าเครื่องส่งกระจายเสียงให้ประชาชนได้สดับ ความตอนที่เกี่ยวข้องว่า
“การวิทยุกระจายเสียงที่ได้เริ่มจัดขึ้นและทำการทดลองตลอดมานั้น ก็ด้วยความมุ่งหมายว่าจะส่งเสริมการศึกษา การค้าขาย และการบันเทิงแก่พ่อค้าประชาชน เพื่อควบคุมการนี้ เราได้แก้ไขพระราชบัญญัติดังที่ประกาศใช้เมื่อเดือนกันยายนแล้ว และบัดนี้ได้สั่งเครื่องกระจายเสียงอย่างดีเข้ามาตั้งที่สถานีวิทยุโทรเลขพญาไทเสร็จแล้ว เราจึงขอถือโอกาสสั่งให้เปิดใช้เป็นปฐมฤกษ์ตั้งแต่บัดนี้ไป” ๑
๑ สรรพสิริ วิริยศิริ. ๒๕๓๗. พระมหากษัตริย์ผู้พระราชทาน “หูทิพย์” ในเอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการเรื่อง สังคมไทยไปรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดโดย สถาบันไทยศึกษาและฝ่ายวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๗-๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗ ณ ห้องประชุมสารนิเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, หน้า ๑๖.
บริษัท เดินอากาศ จำกัด
กิจการการบินในประเทศไทย เริ่มต้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยใช้สนามราชกรีฑาสโมสร (ตำบลปทุมวัน) เป็นสนามบิน ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ เมื่อกิจการการบินเจริญขึ้น สนามบินเดิมคับแคบเกินไป รัฐบาลจึงย้ายไปใช้สนามบินที่ตำบลดอนเมือง จากนั้นกิจการบินก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ในระยะแรกกิจการบินใช้เฉพาะเมื่อขนส่งไปรษณียภัณฑ์ของกระทรวงกลาโหม ต่อมาเมื่อเครื่องบินมีวิวัฒนาการจนมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากขึ้น จึงใช้เพื่อการขนส่งโดยสารและสินค้า
จนกระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สนามบินดอนเมืองมีความทันสมัย โอ่โถง นอกจากจะเป็นที่ตั้งของกรมอากาศยานแล้ว ยังประกอบด้วยโรงงานที่มีเครื่องมือครบครันสามารถสร้างเครื่องบินได้ทั้งลำยกเว้นแต่เครื่องยนต์เท่านั้น
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๐ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรกิจการการบิน ที่กรมอากาศยานดอนเมือง พร้อมกับทรงมีพระราชดำรัสว่า
“การอากาศยานนี้ นับว่าเป็นสิ่งเชิดชูเกียรติยศของชาวไทยและประเทศสยามยิ่งกว่าการอื่นๆ เพราะเกือบจะเป็นสิ่งเดียวที่เป็นวิธีการทางเทคนิคอันเราสามารถทำได้เองด้วยคนไทยทั้งนั้น ไม่ต้องอาศัยชาวต่างชาติมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้... เพราะโดยมาก เขาเหล่านั้นไม่ได้นึกเลยว่า คนไทยเราสามารถตั้งกรมอากาศยานขึ้นเป็นปึกแผ่นใหญ่โตได้ถึงเพียงนี้... ”
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๗๔ มีการจัดตั้งบริษัท เดินอากาศ จำกัด (Aerial Transport of Siam Co., Ltd.) ขึ้นเพื่อดำเนินการขนส่งทางอากาศภายในประเทศ และรับเป็นตัวแทนให้บริษัทการบินต่างประเทศที่บินเข้ามาในประเทศไทย นับเป็นก้าวสำคัญของกิจการบินในประเทศไทย
ประกาศบอกเวลาทางวิทยุและยกเลิกการยิงปืน
การวิทยุกระจายเสียงน่าจะได้แพร่หลายในกรุงเทพฯ มากพอสมควรแล้ว ทางราชการจึงได้มีประกาศเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๗
(๓ เดือนก่อนที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ จากทรงสละราชสมบัติ) ว่า
“บัดนี้ การส่งสัญญาณบอกเวลาทางวิทยุได้แพร่หลายแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้วิธียิงปืนบอกเวลาดังเช่นสมัยก่อนอีก”๑
๑ รัฐสภา. ๒๕๒๔. พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว. (กรุงเทพฯ: รุ่งศิลป์การพิมพ์) , หน้า ๓๔๓.