กรมสาธารณสุขดำเนินงานตามโครงสร้างใหม่
เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ได้ดำเนินการโอนงานสาธารณสุขในกรมศุขาภิบาล ไปรวมกับกรมสาธารณสุข ตามโครงสร้างใหม่ดังนี้
๑. การปกครองและจัดการเกี่ยวแก่โรงพยาบาลต่างๆ มี
- ก. โรงพยาบาลกลาง
- ข. โรงพยาบาลบางรัก
- ค. โรงพยาบาลคนเสียจริต
- ง. โรงพยาบาลโรคติดต่อ
๒. ที่ทำการตรวจหาเชื้อโรคต่างๆ
๓. การตรวจและป้องกันโรคฝ่ายบก (โรคติดต่อ) มี
- ก. ตรวจและป้องกันไข้ทรพิษ
- ข. การตรวจและป้องกันอหิวาตกะโรค
- ค. การตรวจและป้องกันกาฬโรค รวมทั้งการทำลายสัตว์ร้ายต่างๆ
๔. การตรวจศพ
๕. การตรวจและป้องกันโรคร้ายทางทะเล
แห่งกรุงสยาม พระยาดำรงแพทยาคุณ (ชื่น พุทธิแพทย์) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ริเริ่มให้มีการจัดตั้งสมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยาม จดทะเบียนเป็นสมาคมเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม
สมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยาม
พระยาดำรงแพทยาคุณ (ชื่น พุทธิแพทย์) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ริเริ่มให้มีการจัดตั้งสมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยาม จดทะเบียนเป็นสมาคมเมื่อ วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ มีหม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ เป็นนายกสมาคม ใน พ.ศ. ๒๔๗๒ หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา รับเชิญเป็น กรรมการสมาคม (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงสำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนผดุงครรภ์และพยาบาล เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙)
พ.ศ. ๒๔๗๖ สภาการพยาบาลระหว่างประเทศ เชิญสมาคมนางพยาบาลแห่งกรุงสยามเป็นสมาชิกสมทบ หม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ นายกสมาคมฯ เป็นผู้แทนประเทศสยามประเภทสมาชิกสมทบโดยตำแหน่ง
สภาการสาธารณสุขประจำชาติ
พ.ศ. ๒๔๗๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งสภาการสาธารณสุขประจำชาติ เนื่องด้วยการผดุงและสงวนไว้ซึ่งอนามัยของประชาชน เป็นกิจการสำคัญสำหรับชาติ การสาธารณสุข ประกอบด้วย การสุขาภิบาล การบำบัดโรค การป้องกันและปราบปรามโรคระบาด และโรคร้ายแรงบางชนิด การอนามัยพิทักษ์ การอนามัยศึกษา ฯลฯ แต่มีหน่วยงานทั้งของรัฐและเอกชนดำเนินการต่างฝ่ายต่างทำ สภาการสาธารณสุขประจำชาติที่ตั้งขึ้นนี้ทำหน้าที่ประสานระหว่างหน่วยงาน แบ่งปันหน้าที่มิให้ซับซ้อนก้าวก่าย วางแผนป้องกันปราบปรามโรคระบาดโรคร้ายบางชนิด และการบรรเทาทุกข์สาธารณภัย อธิบดีกรมสาธารณสุขเป็นสภานายกโดยตำแหน่ง มีกรรมการจากกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
สำเร็จการศึกษา รัฐบาลสยาม (สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
กรมขุนสงขลานครินทร์ ทรงเป็นผู้แทน) กับ
มูลนิธิร็อกกิเฟลเลอร์ลงนามสัญญาความ
ร่วมมือพัฒนาการแพทย์ของไทย มีผลตั้งแต่
พ.ศ. ๒๔๖๖ ถึง พ.ศ. ๒๔๗๒ ตามข้อตกลงมี
กระบวนการปรับปรุงการศึกษาวิชาแพทย์ ยก
ระดับหลักสูตรวิชาแพทย์ของไทยในคณะ
แพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
แพทย์ปริญญารุ่นแรกสำเร็จการศึกษา
รัฐบาลสยาม (สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสงขลานครินทร์ ทรงเป็นผู้แทน) กับมูลนิธิร็อกกิเฟลเลอร์ลงนามสัญญาความร่วมมือพัฒนาการแพทย์ของไทย มีผลตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๖-๒๔๗๒ ตามข้อตกลงมีกระบวนการปรับปรุงการศึกษาวิชาแพทย์ ยกระดับหลักสูตรวิชาแพทย์ของไทยในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากแพทย์ประกาศนียบัตรเป็นปริญญาเวชศาสตร์ เริ่มรับนิสิตหลักสูตรปริญญาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๖ ระยะเวลาเรียน ๖ ปี เท่ากับหลักสูตรประกาศนียบัตรเดิม ชั้นเตรียมแพทย์ปีที่ ๑ และปีที่ ๒ เรียนวิชาชีววิทยาทั่วไป สัตววิทยา เคมีอนินทรีย์ ฟิสิกส์ และภาษาอังกฤษ ที่คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียนแพทย์ชั้นปีที่ ๑–๔ ที่คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล และเพิ่มเติมการฝึกหัดรักษาผู้ป่วยอีก ๑ ปี
เพื่อพัฒนาวิชาวิทยาศาสตร์ สร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้แก่การศึกษาวิชาแพทย์ และสร้างความรู้ที่พิสูจน์เหตุและผลได้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นพระบรมราชูปถัมภ์เฉพาะนักเรียนแผนก วิทยาศาสตร์ ผู้ได้คะแนนเป็นที่ ๓ ให้ได้รับทุนพระบรมราชูทิศเล่าเรียนหลวง๑
เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ แพทย์ปริญญารุ่นแรกสำเร็จการศึกษา เมื่อพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีสิทธิที่จะให้ปริญญาชั้นเวชชบัณฑิต ตามพระบรมราชโองการ ณ วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒ พิธีพระราชทานปริญญาจึงจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๓ เวชชบัณฑิตรุ่น ๑ และ รุ่น ๒ เข้ารับพระราชทานปริญญาพร้อมกัน
๑ ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๗๒. เล่ม ๔๖. หน้า ๔๖๒๓ – ๔๖๒๖.
กำหนดให้แพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณ มีสองชั้น
ใน พ.ศ. ๒๔๗๒ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีประกาศเพิ่มเติม กฎเสนาบดี ตามความในมาตรา ๘ และมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. ๒๔๖๖ กำหนดให้แพทย์ทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณ มีสองชั้นโดยให้คำจำกัดความแพทย์แผนโบราณและแผนปัจจุบัน ไว้ในกฎเสนาบดี ว่า
ข้อ ๒๔ ผู้ประกอบโรคศิลป ๒ ประเภท คือ ผู้ประกอบโรคศิลปแผนปัจจุบันประเภท ๑ ผู้ประกอบโรคศิลปแผนโบราณประเภท ๑
- (ก) ประเภทแผนปัจจุบัน คือ ผู้ประกอบโรคศิลปโดยความรู้จากตำราอันเป็นหลักวิทยาศาสตร์โดยสากลนิยม ซึ่งดำเนินและจำเริญขึ้น อาศัยการศึกษาตรวจค้นและทดลองของผู้รู้ในทางวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ประเภทนี้จำแนกสาขาและลำดับชั้นดังนี้ คือ สาขาแพทย์ทางยา ทางผ่าตัด ทางผดุงครรภ์ ผู้ทำและรักษาฟัน ผู้ปรุงหรือจำหน่ายยา หมอตำแย ทั้งนี้ ให้มีลำดับเป็นสองชั้น คือ ชั้น ๑ และชั้น ๒ สาขาการพยาบาล และสาขาการนวด ให้มีชั้นเดียว
- (ข) ประเภทแผนโบราณ คือ ผู้ประกอบโรคศิลปโดยอาศัยความสังเกต ความชำนาญอันได้บอกเล่าสืบต่อกันมาเป็นที่ตั้ง หรืออาศัยตำราอันมีมาแต่โบราณ มิได้ดำเนินไปในทางวิทยาศาสตร์ มีสาขาและลำดับชั้น คือ สาขาบำบัดโรคทางยา ชั้น ๑ และ ชั้น ๒ สาขาการปรุงหรือจำหน่ายยา หมอตำแย และหมอนวด ให้มีชั้นเดียว สาขาบำบัดโรคทางผ่าตัด การผดุงครรภ์ การทำและรักษาฟัน และการพยาบาลนั้น ห้ามมิให้ขึ้นทะเบียนในประเภทแผนโบราณ
แพทย์ทุกคนต้องจดทะเบียนตามคุณวุฒิ ทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ แพทย์ปัจจุบันชั้น ๑ ขึ้นทะเบียนครั้งเดียว ชั้น ๒ ต้องต่ออายุทุก ๓ ปี แพทย์แผนโบราณ ชั้น ๑ ต้องสอบความรู้ก่อน ส่วนชั้น ๒ ต้องมีแพทย์แผนปัจจุบัน ชั้น ๑ จำนวน ๓ คน รับรอง
สิ้นเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ มีจำนวนแพทย์แผนปัจจุบัน ชั้น ๑ และ ชั้น ๒ คนไทย ๓๒๙ คน ชาวต่างประเทศ ๘๓ คน รวม ๔๑๒ คน แพทย์แผนโบราณบำบัดโรคทางยา ชั้น ๑ และ ชั้น ๒ คนไทย ๒,๖๖๐ คน ชาวต่างชาติ ๑,๐๑๓ คน รวม ๓,๖๗๓ คน รวมทั้งสิ้น ๔,๐๘๕ คน (ทั้งนี้ ไม่นับรวมทันตแพทย์ เภสัชกร หมอตำแย พยาบาล หมอนวด ซึ่งต้องขึ้นทะเบียนการประกอบโรคศิลปเช่นกัน)๑
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว แพทย์แผนปัจจุบัน ชั้น ๑ ส่วนมากรับราชการ เป็นแพทย์ทหารบ้าง เป็นแพทย์ของกรมสาธารณสุขบ้าง การออกไปทำเวชปฏิบัติส่วนตัวเป็นแพทย์ประจำครอบครัวมีน้อย เนื่องจากเมื่อสำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาบัตร หรือประกาศนียบัตรแล้ว ยังขาดประสบการณ์ความชำนาญ และวัยวุฒิ จึงทำให้ขาดความน่าเชื่อถือจากคนไข้ คนไทยจึงยังนิยมแพทย์แผนโบราณ และแพทย์ชาวต่างประเทศ๒
นอกจากนี้ พระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. ๒๔๗๒ กำหนดว่า “การผดุงครรภ์และการพยาบาลนั้น ห้ามมิให้ขึ้นทะเบียนในประเภทแผนโบราณ”๓
๑ พระศัลยเวทยวิศิษฏ์. (๒๔๗๕). การประกอบโรคศิลปในประเทศอังกฤษและสยาม. ใน จดหมายเหตุทางแพทย์ของแพทยะสมาคมแห่งกรุงสยาม ๑๕ (๓) , หน้า ๓๓๐.
๒ พระศัลยเวทยวิศิษฏ์. (๒๔๗๕). การประกอบโรคศิลปในประเทศอังกฤษและสยาม. ใน จดหมายเหตุทางแพทย์ของแพทยะสมาคมแห่งกรุงสยาม ๑๕ (๓) , หน้า ๓๓๓-๓๓๔.
๓ ราชกิจจานุเบกษา. ๒๔๗๒. เล่ม ๔๖, หน้า ๕๘.
ตำรา “วิชชาพยาบาล”
พ.ศ. ๒๔๗๓ คุณหญิงพิณพากย์พิทยเภท (จำนง เมืองแมน) สำเร็จการศึกษาพยาบาลจากสหรัฐอเมริกา ทำงานเป็นครูพยาบาลที่ศิริราช เขียนตำรา “วิชชาพยาบาล” เป็นตำราทางการพยาบาลภาษาไทยเล่มแรก เมื่อสิ้นสุดสัญญา ครูพยาบาลอเมริกันที่มีมาก่อนหน้านั้นเดินทางกลับไปแล้ว คุณหญิงพิณพากย์พิทยาเภท จึงได้ทำหน้าที่หัวหน้าแผนกพยาบาล โดยมีครูพยาบาลที่ผ่านการดูงานต่างประเทศกลับมาเป็นกำลังสำคัญ ทำให้วิชาการพยาบาลเป็นที่ยอมรับ จำนวนนักเรียนจึงเพิ่มขึ้นทุกปี
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว การพยาบาลไทยก้าวหน้าตามลำดับ ทั้งด้านการศึกษาและวิชาชีพ เนื่องจากยังไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย งานพยาบาลจึงเข้มงวดด้วยระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อรองรับการช่วยเหลือดูแลบรรเทาโรค การใช้อุปกรณ์ปลอดเชื้อทั้งในห้องผ่าตัด และการทำหัตถการ พยาบาลวิชาชีพทำหน้าที่ใน โรงพยาบาลต่างๆ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค พยาบาลผดุงครรภ์ทำคลอด ดูแลมารดา และทารก นางอนามัยทำหน้าที่ป้องกันโรค และสามารถทำหัตถการทดแทนแพทย์เมื่อจำเป็น